🤯ใช้งานได้จริงเหรอ? ตอนนี้แอปการเงินของเกาหลี Toss (เหมือนกับ PromptPay หรือ GLN QR ในไทย) ให้คุณจ่ายเงินด้วยใบหน้าได้แล้ว!

Toss face pay

👉 สรุปบทความ 3 บรรทัด 

1. Toss (เปรียบได้กับแอป PromptPay หรือ GLN QR ในไทย) กำลังบุกตลาดการชำระเงินออฟไลน์ด้วย FacePay ระบบที่ให้จ่ายเงินได้แค่แสดงใบหน้า

2. ไม่ใช่แค่ความสะดวกสบาย แต่ยังช่วยให้ Toss ขยายอีโคซิสเต็มและเก็บข้อมูลผู้ใช้ได้

3. แต่ก็มีความท้าทาย เช่น เรื่องความเป็นส่วนตัว ข้อผิดพลาดทางเทคนิค และการยอมรับของผู้ใช้

---

🧠 Toss FacePay: การปฏิวัติการชำระเงินในเกาหลี?

ไม่ต้องล้วงกระเป๋า ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ สแกน QR หรือใช้ลายนิ้วมืออีกต่อไป ด้วย Toss FacePay แค่สแกนใบหน้าที่เคาน์เตอร์แป๊บเดียวก็จ่ายเสร็จแล้ว เหมือนใบหน้าคือกระเป๋าสตางค์ของคุณเลย ฟังดูสะดวกสุด ๆ ใช่ไหม?

แต่เบื้องหลังความสะดวกนั้นคือเกมใหญ่กว่า Toss กำลังเล่นในโลกการเงิน เทคโนโลยี และข้อมูลผู้ใช้ไปพร้อมกัน

👁️ ใบหน้าคือกระเป๋าสตางค์? Toss FacePay คืออะไรแน่ๆ?

สั้น ๆ เลย: มันคือการจ่ายเงินด้วยการจดจำใบหน้า

ลงทะเบียนใบหน้าในแอป Toss แค่ครั้งเดียว จากนั้นคุณก็เดินเข้าร้านสะดวกซื้ออย่าง CU, GS25 หรือ 7-Eleven บอกว่า “ใช้ FacePay” แสดงใบหน้า แล้วก็เรียบร้อย ไม่ต้องใช้ลายนิ้วมือ บัตร หรือ QR โค้ด แค่ตัวคุณเอง

Toss เคลมว่าระบบจดจำได้ใน 1 วินาทีและมีความแม่นยำ 99.99% เร็วใช่ไหม? แต่คุณอาจจะคิดว่า “มันปลอดภัยจริงเหรอ?” นี่คือคำตอบของ Toss:

Toss facepay. from toss

🔐 “มันปลอดภัยจริงหรือเปล่า?” 

เรื่องความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือคือทุกอย่างสำหรับ FacePay ข้อมูลใบหน้าเมื่อรั่วไหลแล้วเปลี่ยนไม่ได้ Toss รู้เรื่องนี้ดี เลยสร้าง 4 ชั้นความปลอดภัยดังนี้: 

• การจดจำใบหน้าแบบ 3D – ภาพถ่ายหรือวิดีโอใช้ไม่ได้ ต้องตรวจจับความลึกของใบหน้าจริงเท่านั้น 

• การตรวจจับการเคลื่อนไหว – มองหาการกะพริบตาและสีหน้า เพื่อบล็อกการปลอมแบบคงที่ 

• การแจ้งเตือนการฉ้อโกง – ถ้าการชำระเงินผิดปกติ ระบบจะหยุดหรือขอตรวจสอบซ้ำ 

• การจัดเก็บข้อมูลแบบเข้ารหัสและไม่ระบุตัวตน – ข้อมูลใบหน้าของคุณถูกเข้ารหัสและทำให้ไม่สามารถระบุว่าเป็นคุณได้ 

แม้มีคนถือรูปถ่ายหน้าคุณมา? ❌ โดนปฏิเสธ พยายามเลียนแบบ? ❌ ก็ถูกปฏิเสธ Toss เน้นย้ำตลอด: นี่ไม่ใช่แค่เรื่องสะดวก แต่ต้อง “เชื่อถือได้” ด้วย 

🚀 ทำไมต้องลงทุนทำขนาดนี้? 5 เหตุผลเชิงกลยุทธ์ 

Toss ไม่ได้เปิดตัว FacePay แค่เพื่อโชว์เทคโนโลยี แต่วางแผนมาอย่างดีตาม 5 เป้าหมายสำคัญ: 

✔ 1. เจาะตลาดการชำระเงินออฟไลน์  เดิม Toss ครองโลกการเงินออนไลน์ (โอนเงิน หุ้น ประกัน) แต่ขาดพื้นที่ออฟไลน์ ซึ่ง Kakao Pay และ Naver Pay ครองอยู่แล้ว Toss ต้องหาอะไรใหม่จริงๆ เพื่อตีตลาด เลยเลือกใช้การจดจำใบหน้า 

✔ 2. ติดตั้งฮาร์ดแวร์ ขยายให้เร็ว  ใช้ FacePay ได้เฉพาะร้านที่มีเครื่อง Toss Front เท่านั้น Toss จึงเร่งกระจายเครื่องพวกนี้—กว่า 135,000 จุด ณ ต้นปี 2025 เครื่องมากขึ้น = ร้านมากขึ้น = Toss เข้าถึงคนมากขึ้น 

✔ 3. ล็อกผู้ใช้ให้อยู่ในระบบ  ลองใช้แล้วกลับไปยาก ไม่มีเงินสด ไม่ต้องใช้มือถือ แค่ใบหน้า มันจะกลายเป็นนิสัย จนค่อยๆ เลิกใช้วิธีอื่น ทำให้คนอยู่ในอีโคซิสเต็มของ Toss มากขึ้น 

✔ 4. สร้างความน่าเชื่อถือ ยกระดับแบรนด์  ในยุคที่ข่าวข้อมูลรั่วไหลบ่อย (เช่น การแฮ็ก SKT หรือข้อมูลหลุดจาก Yes24) การจัดการข้อมูลสำคัญอย่างใบหน้าเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าทำได้ดี Toss จะไม่ได้แค่ชนะด้านการชำระเงิน แต่จะเป็นแบรนด์ที่คนเชื่อถือ 

✔ 5. ปูทางสู่การขยายในอนาคต  ตอนนี้ใช้ได้แค่ในร้านสะดวกซื้อ แต่ FacePay อาจขยายไปถึงร้านไร้พนักงาน ประตูรถไฟฟ้า สนามบิน คอนเสิร์ต หรือแม้แต่เช็กอินโรงแรม ถ้า “ใบหน้า = ตัวตน” Toss อาจครองระบบไบโอเมตริกเต็มรูปแบบได้ 

💡 แล้วมันจะราบรื่นหมดไหม? 

ยังไม่ใช่ตอนนี้ FacePay ยังมีอุปสรรคต้องแก้: 

• ใบหน้าเปลี่ยนไม่ได้ – ถ้ารั่ว ก็แก้ไขไม่ได้ ถึงจะเข้ารหัสแต่คนก็ยังกังวล 

• แฝด/ศัลยกรรม – อาจทำให้ระบบสับสน 

• การเข้าถึงยังจำกัด – ส่วนใหญ่ใช้ได้ในโซล และอาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุหรือคนที่ไม่ถนัดเทคโนโลยี 

• บางคนรู้สึกหลอน – “ต้องสแกนหน้าถึงจะจ่ายได้?” ฟังดูน่าขนลุกสำหรับบางคน 

นี่แหละทำไม Toss ถึงไม่รีบร้อน แต่ค่อยๆ สร้างความเชื่อใจและโครงสร้างพื้นฐาน เล่นเกมยาว 

🔥 Toss เดียวในตลาดนี้หรือเปล่า? ไม่เลย การแข่งขันกำลังเดือด 

ทันทีที่ FacePay เปิดตัว คู่แข่งก็เริ่มขยับ Naver, Shinhan Card, KB Kookmin Card ก็ลงมาเล่นตลาดจ่ายเงินด้วยใบหน้าเหมือนกัน กลายเป็นสงครามเต็มตัว 

ผู้ชนะ? จะขึ้นอยู่กับแค่เรื่องเดียว: 

🎯 ใครถือข้อมูลได้มากที่สุด 

ข้อมูลการจ่ายเงินเปิดเผยทุกอย่าง: 

• ซื้อแซนด์วิชทุกเช้า → รู้เลยว่าเดินทางยังไง สนใจสุขภาพแค่ไหน 

• ดูหนังทุกสุดสัปดาห์ → เป็นคนชอบกิจกรรมด้านวัฒนธรรม 

• ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตอน 5 ทุ่ม → เป็นสายกินดึก ใช้ชีวิตไม่เป็นเวลา 

ข้อมูลเยอะ = บริการการเงินส่วนบุคคลที่แม่นยำขึ้น (ประกัน การลงทุน สินเชื่อ สิทธิประโยชน์) ใครสะสมข้อมูลได้มากที่สุด ก็สร้างแพลตฟอร์มที่ทรงพลังที่สุด และครองตลาดได้ 

📌 นี่ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์การชำระเงินระดับโลก 

FacePay ไม่ใช่แค่การจ่ายเงินให้ง่ายขึ้น แต่มันคือการออกแบบระบบการเงินใหม่ โดยใช้ “ใบหน้า” ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัวสุดๆ 

แม้มันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เทคโนโลยียังต้องพัฒนา คนก็ต้องปรับตัว แต่การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มขึ้นแล้ว ทั่วโลก Alipay ในจีน หรือ Amazon Go ในสหรัฐฯ กำลังทำแบบเดียวกัน Toss กำลังเป็นผู้นำเทรนด์นี้ในเกาหลี 

(Amazon Go น่ะเหรอ? เดินเข้าไป หยิบของ แล้วเดินออกได้เลย ไม่ต้องจ่ายที่แคชเชียร์ Toss ก็อยากให้ถึงจุดนั้นเหมือนกัน) 

✍️ สรุปสั้น ๆ วันเดียวจบ: 

Toss ใช้การจดจำใบหน้าไม่ใช่แค่เพื่อความสะดวก แต่เพื่อยึดตลาดการเงินออฟไลน์ทีละสแกน 

วันหนึ่ง การจ่ายเงินในร้านสะดวกซื้อด้วยแค่ใบหน้าอาจเป็นเรื่องปกติ และ Toss อยากเป็นผู้นำอนาคตนั้น